วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

เสวนา พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

เมื่อวานนี้ (25 กันยายน 2551) ในงานมหกรรมซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สแห่งชาติครั้งที่ 8 ซึ่งจัดพร้อมกับงานประชุมวิชาการประจำปีของเนคเทค 2008 ผมได้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินรายการเสวนา พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ Central Log Server ซึ่งมีแขกรับเชิญ 3 ท่านคือ ร.ต.ท.ดรัณ จาดเจริญ สว.กลุ่มงานตรวจสอบฯ ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำความผิดทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุณสถาพร สอนเสนา จากกลุ่มงานนิติกร สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และคุณสว่างพงศ์ หมวดเพชร จากบริษัทไอทีเบเกอรี่ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดอบรมการทำ Central Log Server ด้วยตนเอง

โดยที่ผมเองก็กล่าวได้ว่ายังขาดความรู้ความเข้าใจการจัดเก็บล็อกให้ถูกต้อง คืออ่านในพรบ.แล้วก็ยังติดใจหลายประเด็น ก็ได้โอกาสซักถามในประเด็นต่าง ๆ ที่ตนสงสัย และเพื่อกันลืม และเป็นข้อมูลให้ผู้อื่นได้รับทราบด้วย ขอลิสต์เป็นประเด็นไปดังนี้

  • ทำไมต้องมี พรบ.นี้ - เพราะการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีลักษณะที่ต่างไปจากการกระทำความผิดอื่น ๆ เช่น ผู้กระทำความผิดสามารถทำในที่ลับไม่ให้ใครเห็นได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเปิดเผยตัว พฤติกรรมการกระทำก็ไม่ชัดเจนเหมือนความผิดอื่น ๆ เช่น การขโมยปากกา ก็คือการนำเอาปากกาของผู้อื่นไปเป็นของของตน ปากกาของผู้เสียหาย ก็เห็นได้ขัดเจนว่าไปอยู่กับผู้กระทำความผิด ในขณะที่การขโมยข้อมูลในคอมพิวเตอร์นั้น ข้อมูลเดิมยังอยู่ แต่ผู้กระทำความผิดได้ลักลอบสำเนาออกไปด้วยวิธีกาาต่าง ๆ โดยหาหลักฐานแทบไม่ได้เลย การมีพรบ.นี้ทำให้การกระทำดังกล่าวสามารถระบุความผิดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

  • ทำไมต้องเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ - เพื่อใช้ประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวน และใช้เป็นพยานหลักฐานการเอาผิด ถ้าไม่เก็บ ก็สืบหาผู้กระทำความผิดไม่ได้ จับได้ก็ไม่มีหลักฐาน

  • อะไรบ้างที่จะถูกใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิด - 1.เนื้อหา เช่นภาพที่อัพโหลดขึ้นเว็บ ข้อความที่โพสต์ 2. ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ 3. การระบุตัวตน เช่น ณ เวลาดังกล่าว ใครเป็นผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่เป็นหมายเลขไอพีดังกล่าว ซึ่งการเก็บเวลาที่แม่นยำตรงกัน จะช่วยให้ระบุตัวตนได้ถูกต้อง

  • IT Policy - ในองค์กรต้องกำหนด IT Policy ให้ชัดเจนเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความระมัดระวังการใช้คอมพิวเตอร์ที่ปลอดภัยขึ้น เช่นการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้ร่วมกัน เมื่อใช้เสร็จต้องล็อกเอาท์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันคนอื่นสวมรอยใช้งานในชื่อเรา เป็นต้น

  • ถ้าไม่มีเหตุการกระทำความผิดฯ จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบการเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ และฟ้องเอาผิดหรือไม่ - ไม่มี ถ้าเราไม่เก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่จะไม่ทราบเลย จนกระทั่งมีเหตุการกระทำความผิดฯ เกิดขึ้น แล้วเจ้าหน้าที่ขอเรียกดูข้อมูลจากเรา แล้วเราไม่มีให้ เราก็มีความผิดทันที (ประเด็นนี้ยังติดใจอยู่ เพราะเหมือนว่าจริง ๆ แล้วเจ้าหน้าที่มีเพียงไม่กี่คน ไม่ว่างที่จะไปไล่ตรวจสอบด้วยอีกเหตุหนึ่ง)

  • ผลิตภัณฑ์สำหรับจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่อ้างว่าได้รับการรับรองจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ - ไม่จริง กระทรวงฯ ไม่เคยรับรองและไม่มีนโยบายจะรับรองผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ใด ๆ ถ้ามีแสดงว่าแอบอ้างเพื่อประโยชน์ทางการค้า

  • แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์ฯ ดังกล่าว ทำงานได้ถูกต้องจริง - ให้อ้างอิงจาก พรบ.และประกาศที่เกี่ยวข้อง ว่าคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เป็นไปตาม พรบ.และประกาศหรือไม่ (ผู้ขายต้องรับรองผลิตภัณฑ์ตัวเอง ว่างั้นเถอะ)

  • จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์ฯ หรือไม่ - ไม่จำเป็น สามารถทำเองได้โดยใช้เครื่องมือที่เป็นโอเพนซอร์สทั้งหมด โดยต้องลงทุนศึกษา หรือเข้าอบรมก็ทำได้ แต่ถ้าจะให้สะดวก จะใช้บริการจากผู้ให้บริการ ต่าง ๆ ก็ได้

  • การทำให้ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์เชื่อถือได้ ทำอย่างไร - ใน พรบ. ไม่ได้กำหนดว่าทำอย่างไร ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความเหมาะสม เช่นการแยก Server กับ Central Log ออกจากกัน การ sign key ใน archive ของ log หรือแม้แต่เก็บ log ตามปกติแต่มีขั้นตอนระเบียบวิธีปฏิบัติที่เชื่อถือได้ว่าไม่มีการดัดแปลงแก้ไข

  • ในการสืบสวน หรือแสดงพยานหลักฐานในศาล จะมีการตรวจสอบหรือไม่ว่าข้อมูลดังกล่าวได้รับการจัดเก็บอย่างน่าเชื่อถือจริง - โดยปกติจะไม่ตรวจสอบ ถือว่าผู้จัดเก็บข้อมูลเป็นพยาน ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในการกระทำความผิด เมื่อแสดงพยานหลักฐานอย่างไร ตำรวจ และศาลจะเชื่อตามนั้น ยกเว้นมีเหตุอันเชื่อได้ว่า ผู้จัดเก็บข้อมูลดังกล่าว อาจจะเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับการกระทำความผิดดังกล่าว หรือถูกสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง

  • การจัดเก็บข้อมูลการจราจรด้วยวิธี sniff สามารถใช้ได้หรือไม่ - ไม่แนะนำให้ใช้วิธีดังกล่าว เนื่องจากเสี่ยงต่อการขัดต่อมาตราอื่นบางมาตรา ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานได้ และมีเทคนิคอื่น ๆ ที่ไม่ต้องใช้วิธีการ sniff

  • ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ควรจัดเก็บข้อมูลอย่างไร - 1. จัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ตามปกติ (คือยังไงก็ต้องมี gateway ที่เก็บ log อยู่ดี) 2. ผู้ใช้บริการต้องแสดงบัตรให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกหมายเลขบัตร และบันทึกเวลาใช้งาน เครื่องที่ใช้ทุกครั้ง ชาวต่างชาติก็ต้องแสดงพาสปอร์ต

  • ทำไมร้านเน็ตฯ ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ - ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่เป็นสถานที่สาธารณะที่มีคนเข้าออกเยอะ ถ้าร้านไหนไม่เข้มงวดเรื่องการจัดเก็บข้อมูลจะเป็นแหล่งให้ผู้กระทำความผิดเลือกใช้เป็นที่ก่อเหตุได้

  • ประเด็น Free Wi-Fi - 1. Free Wi-Fi ควรมีการออกรหัสให้ผู้ใช้ที่มีการลงทะเบียนด้วยหมายเลขบัตรฯ เท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นแหล่งเอื้อให้กระทำความผิดได้ 2. ระวัง Free Wi-Fi ปลอม ที่แอบเปิดให้บริการเพื่อดักจับ ID และรหัสผ่าน โดยเฉพาะที่ตั้งชื่อเลียนแบบ Wi-Fi อื่น ๆ แถว ๆ นั้น


ฝากให้รับฟังไว้ครับ เพราะหลายประเด็นไม่ได้ระบุชัดเจนใน พรบ. ซึ่งอาจจะมีแนวทางปฏิบัติเปลี่ยนไปในอนาคตก็ได้

3 ความคิดเห็น :

  1. ผ่านมา29/9/51 05:53

    มี นายตำรวจบอกว่าให้เก็บ url ด้วย ซึ่งถ้าเราเก็บก็น่าจะเข้าข่ายผิดกฏหมายในการล่วงรู้ถึงการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งคนเก็บก็เสี่ยง

    ตอบลบ
  2. การเก็บ url ถ้าเราเป็นผู้ดูแลเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบเครือข่าย ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ ก็ถือว่าเราเก็บโดยชอบครับ และเราก็ไม่ได้เอาไปประกาศบอกใครที่ไหนด้วย คือเราเองก็ต้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือพนักงานของเราเช่นกัน



    ถ้าเป็นบุคคลคนอื่น ได้ล่วงรู้ข้อมูลดังกล่าวโดยมิชอบ แบบนี้ผิดครับ

    ตอบลบ
  3. ผมคนนึงโดนขโมยพาสเวบบอร์ดไปทำอะไรเสียหาย ตำรวจบอกว่าอะไรรู้มั้ย ของๆเราใครเอาไปใช้ เราก็ผิด เราต้องรับผิดชอบ โดยไม่ต้องตรวจสอบ

    กำมาก ตำรวจไทย เกือบฉลาด

    ตอบลบ