เมื่อกลางปี 47 ซื้อ UPS มาตัวนึง เพราะตอนนั้นที่บ้านมีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย เห็นมีขายที่ IT City ลดราคา ตัวละไม่ถึง 2,000 บาทมั้ง 750 VA ก็คิดว่าเยอะละ ใช้ได้ราวเกือบ 2 ปี ถึงรู้ว่า batt. เสื่อม ก็ซื้อเฉพาะ batt. มาเปลี่ยนเลือกขนาดเท่ากัน 12V เท่ากัน แต่เพิ่มจาก 7.2AHr เป็น 9AHr เผื่อจะอยู่ได้นานขึ้น ก็ใช้มาได้ซักปีนึงแหละ ไม่รู้แบตเสื่อมไปตอนไหน ไฟดับปุ๊บ ก็ดับเลย
ตอนนั้นเรียกว่าซื้อแบบไม่รู้อะไรเลย มารู้ทีหลังว่า มันมีเรื่อง power factor ด้วย พวก UPS ถูกๆ จะมีค่า power factor แค่ 0.4-0.5 เอง แบบดีหน่อย จะเป็น 0.6 มากกว่านี้จะไม่ค่อยมีแล้ว ค่า power factor ส่วนมากจะไม่ได้บอกไว้ แต่ถ้าเป็นร้านไอทีใหญ่ๆ ก็สามารถถามพนักงานขายได้ หรือดูง่ายๆ ก็ดูว่า (watt. ที่จ่ายได้จริง/VA) เป็นเท่าไหร่ เช่นบางตัว 750 VA แต่จ่ายไฟได้แค่ 300 watt. ก็แสดงว่ามี power factor = 300/750 = 0.4 นั่นแหละครับ UPS ที่ผมใช้
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด power factor ก็มีผลคือ ทำให้เปลืองไฟฟ้ามากขึ้น ถ้ามี power factor ต่ำๆ เช่น ถ้า power factor = 0.4 ก็แสดงว่า เมื่อต่อ ups จะทำให้กินไฟมากขึ้นกว่าเดิม 2.5 เท่า?!?
อีกเรื่องคือ อย่าไปซื้อแบบ noname เลย ของผมซื้อที่ IT City แต่พอแบตตัวแรกเสื่อม ไปถามซื้อแบตที่ IT City เค้าบอกไม่รู้จักยี่ห้อนี้ (อ้าว?) คือตอนหลังเค้าเน้นขายพวกยี่ห้อไปเลย เช่น PCM, Leonics เลยบอกว่าสงสัยจะเปลี่ยนไม่ได้ แล้วเชียร์ให้ซื้อใหม่ ตัวละเกือบ 3,000 แต่เราไม่โง่ (จริงๆ คือจน) เลยไปหาซื้อแบตที่ณัฐพงษ์ 512 บาทแทน อีกอย่างคือ ups แบบ noname โดยเฉพาะที่ประกอบมาจากจีน มักจะมี power factor ต่ำ ประมาณ 0.4 ทั้งนั้น อย่าเห็นแก่ของถูก ที่ถูกลงพันเดียว แต่ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นเดือนละหลายร้อย ปีหนึ่งก็หลายพัน
อีกปัญหาหนึ่งคือ ตัวที่ผมใช้ มันมีไฟบอกสถานะแบตด้วย แต่พอมันเสื่อมจริงๆ กลับไม่เตือน เลยไม่รู้ว่ามันเสื่อมตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้เอาตอนไฟดับนี่แหละ
เมื่อวานไปเดินเซียร์ (อีกแล้ว) ต้องตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแบตใหม่ หรือซื้อ UPS ใหม่ดี ราคาเปลี่ยนแบตตอนนี้อยู่ที่ ประมาณ 5xx บาท แต่นึกถึงค่าไฟแล้วเลยเดินไปดู UPS ใหม่ดีกว่า มีจัดรายการลดราคาอยู่ ของ PCM 525 VA จ่ายไฟได้จริง 315 watt. ค่า power factor = 0.6 ราคา 2,990 บาท ตัวนี้น่าสนใจ มีบอกสถานะต่างๆ ครบดี ถ้าอีกรุ่น ลดไฟ + ตัวเลขบอกสถานะลง ก็เหลือ 2,7xx บาท ไม่เลวๆ
แต่มานึกถึงความจำเป็นในการใช้ UPS แล้ว ก็มาคิดได้ว่า คงไม่ค่อยจำเป็นแล้วละ เพราะที่หอพักปัจจุบัน ไม่ค่อยมีปัญหาไฟดับ และอีกอย่าง ไม่ค่อยได้ใช้งานมันมากเหมือนก่อนนี้แล้ว ส่วนใหญ่ใช้แลปท็อปมากกว่า เลยตัวสินใจว่า ไม่ซื้อดีกว่า ไม่ใช้แล้ว ต่อตรงๆ ไปเลย แล้วเดี๋ยวปรับ file system ให้มันปลอดภัยมากขึ้นอีก (เอ ใส่ option sync เลยจะดีไหมหว่า อิๆ)
ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละคนละครับ ถ้าเป็น server แน่นอน มันจำเป็น สำหรับบางเครื่องที่ใช้กับงานที่ต้องการความ stable สูงๆ ก็จงใช้ เพียงแต่ขอให้เลือกตัวที่มี power factor สูงๆ ครับ (0.6 ขึ้นไป) ถ้าใช้ที่บ้าน แค่ไว้เล่นเกม เล่นเน็ต ไม่มีงานซีเรียสอะไรมาก หรือให้ห้องแล็บนักศึกษา ก็อย่าไปติดให้เสียค่าไฟเล่นเลยครับ