วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2547

เที่ยวกาญจน์

นานแล้วที่งาน RD-I1 ไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เลยนัดกันไปเที่ยวกาญจน์เมื่อวันที่ 3-4 ก.ค. ที่ผ่านมา ไปเยอะเหมือนกัน รวมกับฝ่ายอื่นๆ และคนนอกด้วยก็ 17 คน ใช้รถตู้ 1 คัน และกระบะส่วนตัว 1 คัน เฉลี่ยค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนละ 1,500 บาท กิจกรรมที่ทำก็พอสรุปได้ดังนี้
  • แวะทานข้าวเช้าที่โรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ ซึ่งทำเป็นจุดแวะพัก มีอาหาร และของฝากขาย ที่นี่มีอาหารเด่นๆ คือ ขาหมูมะพร้าวอ่อน ผัดไทยวุ้นเส้น และซ่าหริ่ม ครับ ส่วนของฝาก แนะนำ ข้าวเหนียวแก้วใบเตย ของเค้าจะนุ่ม หอม กำลังดี และก็หมี่กรอบ ที่ตั้งเพิงขายหน้าร้าน ก็มีคนเข้าคิวซื้อกันทั้งวันจนทำไม่ทัน
  • ถึงที่พัก พีเกสต์เฮ้าส์ ประมาณเกือบๆ บ่ายโมง ทานข้าวเที่ยงที่ทางเกสต์เฮ้าส์เตรียมไว้ให้ แล้วก็ลงเรือหางยาว จากเกสต์เฮ้าส์ย้อนจากอ่างหลังเขื่อนเขาแหลม ไปยังแม่น้ำลำปี ระหว่างทางแวะชมเมืองบาดาล ซึ่งจริงๆ แล้วคือวัดที่น้ำท่วมเพราะการสร้างเขื่อน ถ้าน้ำในเขื่อนขึ้นสูงมากๆ จะเห็นแต่ยอดหอระฆัง ถ้าต่ำมากๆ คนก็ลงไปเดินชมวัดได้เลย แต่วันที่ไปเที่ยวนี่ น้ำพอประมาณ คือเห็นตัววัดอยู่กลางน้ำ แต่ลงไปเดินไม่ได้ แล้วขึ้นเรือที่หมู่บ้านกะเหรี่ยง ที่เลี้ยงช้างไว้บริการนักท่องเที่ยว ได้เจอช้างน้อย อายุ 4 ปีชื่อโยโย่ เป็นช้างที่เอามาฝึกเพื่อแสดงหนังเรื่อง "ต้มยำกุ้ง" ซึ่งแสดงโดยจา-พนม
  • จากนั้นก็ขี่ช้างย้อนขึ้นไปตามลำน้ำเพื่อไปยังจุดที่จะเริ่มล่องแพ นี่เป็นการขี่ช้างครั้งแรก ก่อนจะขึ้นหลังช้าง คิดว่านั่งบนนั้นคงเสียวแน่ แต่พอขึ้นไปจริงๆ กลับไม่เสียวนัก คิดว่าเป็นเพราะรู้สึกมั่นใจตัวช้าง ต่างจากการเล่นเครื่องเล่นอย่างที่ดรีมเวิร์ล ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ ผมกลับเสียวมาก คงเพราะไม่มั่นใจในความแข็งแรงของสิ่งก่อสร้างนั้นๆ
  • ถึงจุดเริ่มล่องแพ เค้าก็ให้จับกลุ่มเดินลุยน้ำข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งยากมาก เพราะน้ำจะสูงประมาณครึ่งตัว ทำให้ชูชีพรั้งตัวขึ้น เท้าเลยลอย เดินยาก แต่ก็ช่วยๆ กันจนข้ามไปได้ในครั้งเดียวทุกคน การเดินลุยน้ำข้ามแม่น้ำ ก็มีข้อดีคือ ทำให้รู้สึกถึงความแรงของน้ำ
  • เริ่มต้นล่องแพ แพที่ใช้ล่องจะเป็นแพไม้ไผ่ มีถ่อทำจากไม้ไผ่ลำยาว เวลาล่องต้องยืนถ่อ ผมไม่เคยถ่อแพ แต่พอจะรู้หลักการบ้าง เลยเตี๊ยมกับน้องที่ขึ้นแพเดียวกัน ทุกแพเค้าจะมีเจ้าหน้าที่ ทำหน้าที่คัดท้ายด้วย ส่วนผมอยู่หัวแพ คอยควบคุมทิศทาง พอเริ่มออกตัว ผ่านโค้งแรก เล่นเอาแพหมุนไปหนึ่งรอบ แต่ก็พอจะรู้ว่าต้องควบคุมยังไง โค้งต่อๆ ไปเลยค่อนข้างฉลุย ไปพลาดครั้งเดียว ที่ท้ายแพทำถ่อตกน้ำ เลยพยายามจะเก็บ แล้วไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แพเกิดสะดุด คงเป็นเพราะก้อนหินที่อยู่ตื้น ทำให้ตกน้ำกันถ้วนหน้า แต่ก็กลับมากู้หน้าโดยล่องฉลุยในโค้งอื่นๆ จนกลับมาถึงหมู่บ้านกะเหรี่ยงเลี้ยงช้างที่เดิม
  • ตอนเย็นออกไปกินข้าวในตลาด ไม่ค่อยมีร้านขายอาหารนัก ไปลงเอยที่ร้านข้าวแกง ซึ่งมีอาหารหลายอย่างมาก แต่ไม่ค่อยอร่อยสักอย่าง คงเพราะทำไว้นานแล้ว แต่ก็กินกันเยอะเหมือนอร่อยเลย คงเพราะเหนื่อยและหิวจากการล่องแพ
  • กลับถึงที่พัก ก็ชมวิดีโอที่ทางเกสต์เฮ้าส์ถ่ายทำไว้ตั้งแต่นั่งเรือ ขี่ช้าง จนถึงล่องแพให้ชม มาสนุก และฮากันตอนล่องแพนี่แหละ ดูแล้วเลยเสียเงินซื้อวิดีโอม้วนนั้น 350 บาท เอาไว้แปลงเป็นวีซีดีแจกกัน จากนั้นก็จับกลุ่มเล่นไพ่สลาฟ แล้วรีบเข้านอน
  • ตื่นตี 5 เตรียมตัวไปเดินข้ามสะพานไม้ ซึ่งสร้างไว้ตั้งแต่ปี 2527 คือปีที่เริ่มสร้างเขื่อนเขาแหลม เพื่อเชื่อมหมู่บ้านและวัดซึ่งอยู่สองฝั่งเข้าหากัน ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้าน ดูเหมือนจะเป็นมอญ หรือพม่า ไม่แน่ใจ ที่ชอบคงจะเป็นกาแฟในหมู่บ้าน แก้วละสิบบาท ชงกับนมข้นหวาน กินกับปาท่องโก๋ทอดเองร้อนๆ ตัวละสองบาท เฉลี่ยจ่ายไปคนละสิบห้าบาท อร่อยดี
  • กลับที่พัก อาบน้ำ เก็บของ เดินทางต่อไปชมวัดหลวงพ่ออุตมะ หรือวัดวังก์วิเวการาม ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเกสต์เฮ้าส์ ส่วนใหญ่เข้าไปกราบพระประธานของวัด ซึ่งสร้างจากหินอ่อนสีขาวทั้งองค์ และไปชมโบสก์ ซึ่งมีลักษณะแปลกตา (ดูในแกลอรี่นะครับ อธิบายไม่ถูก)
  • เดินทางต่อไปยังด่านเจดีย์สามองค์ แวะทานข้าวเที่ยง ถ่ายรูป ซื้อของ ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ป่าที่พม่าเอาเข้ามาขายฝั่งไทย
  • ต่อไปตั้งใจจะไปถ้ำธารลอด ซึ่งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติรัตนโกสินธุ์ แต่ดูจากเวลาแล้ว คงไม่ทัน เลยเปลี่ยนแผน แวะชมน้ำตกไทรโยคน้อยแทน แล้วเดินทางกลับ โดยไม่ลืมแวะซื้อของฝาก ที่โรงงานวุ้นเส้นท่าเรืออีกหน

ทริปนี้สรุปผลกันว่าสนุกดี การล่องแพก็ไม่ได้ยากมากจนเกินไป ประมาณระดับ 3 เทียบกับที่ยากๆ ชนิดน้ำเป็นฟองขาว (white water) ซึ่งจะเป็นระดับ 4-5 ส่วนที่ขาดไม่ได้คือการหาของกินระหว่างทาง :-P เที่ยวไปกินไป